เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ห้องร่วมฤดีบอลรูม โรงแรม โนโวเทล เพลินจิต กรุงเทพฯ มร.เอ็ม กานดิ กรรมการผู้จัดการ (ธุรกิจอาเซียน) บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย จำกัด,คุณอนุชนา วิชเวช ผู้อำนวยการโครงการบริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด, คุณเกศมณี เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย, คุณภคพงศ์ พรมนุชาธิป ผู้จัดการโครงการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ องค์การมหาชน, คุณกฤษณ์ แจ้งจรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอ็มวายอาร์ คอสเมติก โซลูชั่น จำกัด, ดร.ประคองศิริ บุญคงตัวแทนจากกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก และคุณนาคาญ์ ทวิ-ชาวัฒน์กรรมการผู้จัดการ บริษัทโควิก เคทท์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมแถลงข่าวการจัดงานอาเซียนบิวตี้ 2016 ซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 28-30 เมษายน 2559 ณ ไบเทค บางนา พร้อมร่วมเวทีเสวนาในหัวข้อ“การเปิดกลยุทธ์น่านน้ำสีครามแห่งธุรกิจความงามในอาเซียน” โดยชี้จุดแข็งของผู้ประกอบการไทยว่าโดดเด่นในเรื่องการผลิต และชี้เทรนด์ผู้บริโภคที่สนใจเรื่องสุขภาพและนิยมใช้วัตถุดิบธรรมชาติมากขึ้น
บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัดร่วมกับสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย เตรียมจัดงานแสดงสินค้าเพื่อความงามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2016 (ASEANbeauty 2016) ในระหว่างวันที่ 28-30 เมษายน 2559 ณ ไบเทค บางนา โดยขยายพื้นที่การจัดงานขึ้นกว่าเท่าตัว เพื่อรองรับผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ ชี้ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์ เล็งไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจความงามในอาเซียน พร้อมคาดการณ์สร้างยอดธุรกรรมมากกว่า 800 ล้านบาทจากการจัดงานในครั้งนี้
มร.เอ็ม กานดิ กรรมการผู้จัดการ (ธุรกิจอาเซียน) บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย จำกัด เปิดเผยว่า “งาน ASEANbeauty 2016 ที่จะจัดขึ้นนี้ ถือเป็นงานใหญ่ในระดับภูมิภาคอาเซียน และมีความสำคัญต่อธุรกิจความงามทั่วภูมิภาค โดยการจัดงานในครั้งนี้เติบโตขึ้นกว่าเท่าตัวจากการจัดงานครั้งก่อน เพราะได้รับความสนใจเป็นอย่างดีทั้งจากผู้ประกอบการไทยเอง และผู้ประกอบการจากทั่วโลกที่มองเห็นโอกาสการลงทุนในอาเซียน อาทิ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์ โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้จำนวนผู้ร่วมชมงานจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม 20% ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมระดับผู้บริหาร และผู้มีอำนาจตัดสินใจจากต่างประเทศเข้าร่วมเจรจาธุรกิจมากถึง 25% จากผู้ชมงานทั้งหมดและคาดการณ์ว่าการจัดงานครั้งนี้จะสร้างยอดธุรกรรมให้กับผู้ประกอบการไทยมากกว่า 800 ล้านบาท
“งาน ASEANbeauty 2016 ถือเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยที่จะได้ศึกษาเทคโนโลยี นวัตกรรม และเทรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามของบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศที่มาร่วมจัดแสดง รวมถึงยังเป็นการเพิ่มโอกาสส่งออกผลิตภัณฑ์ความงามให้กับคู่ค้าในประเทศอาเซียนด้วย เพราะธุรกิจความงามในอาเซียนนั้นมีมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาทในปัจจุบัน ขณะที่ธุรกิจความงามในไทยแม้จะกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีคู่แข่งทั้งรายใหญ่และรายย่อยจำนวนมาก ตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง CLMV(กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) จึงมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีคู่แข่งน้อยรายกว่า ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ก็น่าสนใจทั้งในแง่จำนวนประชากรและผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง อีกทั้งยังให้ความสนใจด้านสุขภาพและความงามมากเป็นพิเศษอีกด้วย”
“และในปีนี้ งาน ASEANbeauty2016 ได้หยิบยกเรื่องของนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมความงามและการรักษาสุขภาพของผู้บริโภคขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญ โดยภายในงานจะมีทั้งเวทีการสัมมนาและเวทีการสาธิตให้กับผู้ที่สนใจได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนและรอบด้าน เนื่องจากทั้งนวัตกรรมและกระแสการรักสุขภาพจะทำให้สินค้าความงามเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้ผู้ประกอบการไทยใช้นวัตกรรมและงานวิจัยในการผลิตสินค้าส่งออก เพราะไม่ใช่แค่จะทำให้สินค้าเป็นที่นิยมเพียงเท่านั้น แต่ยังจะทำให้สินค้าเป็นที่จดจำและได้รับการยอมรับในคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าด้วย”
ทั้งนี้ มร.เอ็ม กานดิ กล่าวปิดท้ายว่า “เทรนด์ของอุตสาหกรรมความงามในปี 2016 นี้ คือการชะลอวัย เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ และใส่ใจผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายให้มากขึ้น เนื่องจากเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นประชากรที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นกลุ่มประชากรที่มีกำลังในการซื้อสูง ซึ่งสินค้าเพื่อความงามที่เน้นการชะลอวัย และรักษาสุขภาพล้วนเป็นประเภทสินค้าที่เป็นที่ต้องการของคนในกลุ่มนี้ถัดมาคือการนิยมในสินค้าที่ผลิตจากธรรมชาติ อันเป็นเทรนด์ที่ตอบรับกับการรักสุขภาพของคนในปัจจุบัน ซึ่งยิ่งมีส่วนผสมจากวัตถุดิบจากธรรมชาติมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับความไว้วางใจและความเชื่อถือในความปลอดภัยของสินค้านั้นๆ มากขึ้นนั่นเอง โดยทั้งภาครัฐและเอกชนกำลังผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเลือกใช้สมุนไพรไทยและวัตถุดิบของไทยให้มากขึ้น เนื่องจากทั้งคุณค่าและคุณภาพของสมุนไพรไทย ไม่ได้ด้อยไปกว่าวัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างชาติเลย ซึ่งนอกจากจะทำให้สินค้ามีเอกลักษณ์แล้ว ก็ยังเป็นการลดต้นทุนในการผลิตจากการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศอีกด้วย และสุดท้ายกับเทรนด์ที่มองข้ามไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง คือ กลุ่มผู้ซื้อเพศชายที่หันมาสนใจในสินค้าเพื่อความงามและสุขภาพมากขึ้น โดยสินค้าประเภท For Men นั้นมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา และเพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้ซื้อในกลุ่มนี้ สินค้าที่เป็นสินค้าสำหรับผู้ชายอยู่แล้ว ก็ควรแตกไลน์สินค้าใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบสนองต่อความต่อการของผู้ซื้อ ส่วนผู้ประกอบการหน้าใหม่ ก็น่าจะลองสร้างสรรค์สินค้าของตนให้เป็นแบบยูนิเซ็กซ์เพื่อตอบสนองผู้ซื้อได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง”
โดยงาน Aseanbeauty 2016 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28-30 เมษายน2559 ณ ฮอลล์ 103ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนาซึ่งภายในงานจะมีการจัดแสดงสินค้าและนวัตกรรมความงามอย่างครบวงจร พร้อมการสัมมนาในหัวข้อน่ารู้ เช่น การสร้างแบรนด์สำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่, การส่งออกสินค้าความงามและสินค้าเพื่อสุขภาพไปยังอาเซียนและการแสดงสาธิตบนเวทีเรื่องการออกแบบทรงผมให้เข้ากับรูปหน้าและสีผิว การแต่งคิ้ว การทำเล็บ และสปา พร้อมรับคำปรึกษาในการส่งออกสินค้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมาคมและภาคีเครือข่ายผู้ร่วมจัดงาน สมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยซึ่งสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-6426911 และลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่www.aseanbeautyshow.com
--------------------------------
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : เพลย์คอมมิวนิเคชั่นส์คอนซัลติ้งจำกัด
แอมสุพัตรา 083-0366672