ลบ แก้ไข

อินโดนีเซียหวังเป็นเมืองหลวงแฟชั่นมุสลิม

อินโดนีเซียหวังเป็นเมือง

อินโดนีเซียตั้งเป้าเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นมุสลิม ส่งเสริมดีไซเนอร์รุ่นใหม่ นำตลาดแฟชั่นมุสลิมมูลค่าเกือบ 1 แสนล้านดอลลาร์

ในฐานะประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก อินโดนีเซียจึงมีความต้องการค่อนข้างสูงสำหรับเสื้อผ้าที่ถูกต้องตามหลักศาสนา แต่จากเสื้อผ้าทันสมัย สีสัน สวยงามในงานแสดงเสื้อผ้าจาการ์ตา แฟชั่น วีก สะท้อนว่าอินโดนีเซียยังตั้งเป้าจะเป็นผู้นำโลกในอุตสาหกรรมแฟชั่นมุสลิม ที่ประมาณการณ์คร่าว ๆ ว่า มีมูลค่าเกือบ 1 แสนล้านดอลลาร์

รัฐบาลอินโดนีเซียสนับสนุนดีไซเนอร์รุ่นใหม่และการค้าเสื้อผ้า ซึ่งจ้างงานกว่า 3 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าสู่เศรษฐกิจราว 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ "นางมารี ปังเกสตู" เปิดเผยว่า อินโดนีเซียสามารถเป็นผู้กำหนดเทรนด์ กระทรวงมีวิสัยทัศน์และพันธกิจว่า อินโดนีเซียสามารถเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นมุสลิม

หลักศาสนาที่กำหนดให้สตรีต้องปกคลุมร่างกายอย่างมิดชิดตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า ได้รับการปฏิบัติอย่างกว้างขวางจากประเทศที่ตีความศาสนาอย่างเข้มงวดในซาอุดีอาระเบียและอัฟกานิสถาน และประเทศที่ค่อนไปทางสายกลางอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย

ผ้าคลุมศีรษะเป็นสิ่งจำเป็นในทุกกรณี และเสื้อผ้าจะต้องไม่รัดรูปหรือโปร่งใส แต่สามดีไซเนอร์รุ่นใหม่คือ นูร์ ซาห์รา, เจนาฮารา นาซูเตียน และดิอัน วาห์ยู อูตามิ ผู้เริ่มต้นในงานจาการ์ตา แฟชั่น วีก ได้สร้างรูปแบบใหม่กับคอลเล็กชันเสื้อผ้าสำเร็จรูป

ทั้งสามคน ซึ่งเข้าร่วมโครงการอนาคตแฟชั่นอินโดนีเซียของรัฐบาล เพื่อพัฒนาอัจฉริยภาพของดีไซเนอร์สู่ตลาดโลก เปิดเผยว่าพวกเขาต้องการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ดึงดูดใจคนทั่วไป รวมทั้งผู้หญิงในโลกตะวันตก

เสื้อผ้าแบรนด์ "เจนาฮารา" ของนาซูเตียน กำลังเจรจากับตัวแทนจากมิลานเพื่อทำตลาดเสื้อผ้าในอิตาลี รัสเซีย และดูไบ เธอกล่าวว่าศักยภาพการผลิตของแบรนด์เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยตอนแรกมีคำสั่งซื้อเริ่มต้น 200 ชิ้นต่อฤดูกาล แต่เมื่อผู้ซื้อได้เห็นคอลเลคชันเสื้อผ้าของเธอแล้ว ก็ต้องการให้เธอเซ็นสัญญาสามปี

ด้านวาห์ยู อูตามิ ผู้ซึ่งบิดามารดาเริ่มต้นแบรนด์เสื้อผ้า "ดิอัน เปลังกี" ตามชื่อแรกของเธอเมื่อ 22 ปีก่อน จัดแสดงเสื้อผ้าครั้งแรกเมื่อปี 2551 ในเมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย เธอได้รับเสียงตอบรับอย่างน่าอัศจรรย์ และความสนใจต่อเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นใหม่ของเธอมีจำนวนมาก อูตามิตระหนักดีว่า แฟชั่นมุสลิมมีศักยภาพในตลาดโลก

ปัจจุบัน "ดิอัน เปลังกี" มีสาขาในมาเลเซีย และกำลังขยายสาขาไปยังสิงคโปร์และบรูไน มีผู้ซื้อในออสเตรเลีย อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จอร์แดน และคูเวต หลายคอลเลกชั่นถูกขายไปในงานแสดงแฟชั่นโชว์ในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี ฮังการี และประเทศอื่น ๆ ในยุโรปด้วย

วาห์ยู อูตามิ กล่าวด้วยว่า แบรนด์ของเธอยังไม่เข้าไปยังตลาดสหรัฐ แต่จะเป็นเป้าหมายต่อไป และต้องการเปิดร้านของตนเองในตะวันออกกลางด้วย ไม่ใช่แค่ขายเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าเท่านั้น

ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ของอินโดนีเซียทิ้งท้ายว่า เกาหลีใต้โด่งดังเรื่องวัฒนธรรมเค-ป๊อบ ดังนั้นอินโดนีเซียซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องเสื้อผ้าสไตล์มุสลิมได้ ก็ควรให้ความสำคัญกับศักยภาพด้านนี้ของตัวเอง



เรียบเรียงโดย KERO uAsean.com
เนื้อหาอ้างอิงจาก bangkokbiznews.com/
 

เกี่ยวกับประเทศ

 

Editor Bow
ชม 6,518 ครั้ง
 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน Developed By Upbean ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการให้บริการ