ลบ แก้ไข

เวียดนามสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่สอง

เวียดนามสร้างโรงกลั่นน้ำ

เวียดนามสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่สอง ช่วยเพิ่มศักยภาพการกลั่นขึ้นกว่าสองเท่าในสี่ปีข้างหน้า

เวียดนามเริ่มต้นก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่สองเมื่อปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการกลั่นขึ้นกว่าสองเท่าในสี่ปีข้างหน้า หลังจากความต้องการพลังงานภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

จากศักยภาพการกลั่นน้ำมัน 200,000 บาร์เรลต่อวัน โรงกลั่นงีซอนจะเพิ่มศักยภาพการกลั่นน้ำมันให้กับประเทศถึง 330,500 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2560 แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งโรงกลั่นงีซอนและโรงกลั่นเก่าที่เล็กกว่าสามารถตอบสนองความต้องการพลังงานของชาติได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น

สภาพการณ์ดังกล่าวเท่ากับว่าเวียดนามจะยังคงเป็นผู้นำเข้าน้ำมันอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โรงกลั่นยังมีโรงงานปิโตรเคมีด้วย ซึ่งจะช่วยดูดซับผลผลิตบางชนิด ทำให้เหลือน้ำมันเบนซินปริมาณน้อยสำหรับขายภายในประเทศ

รองประธานบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน ไอเอชเอส อีเนอร์จี อินไซต์ "นายวิกเตอร์ ชุม" กล่าวว่า การนำเข้าน้ำมันหลังจากโรงกลั่นงีซอนเดินเครื่องจะลดลงเพียงเล็กน้อย เพราะโรงกลั่นงีซอนจะผลิตพาราไซลีนด้วย ทำให้การผลิตน้ำมันเบนซินมีจำนวนน้อย ประกอบกับความต้องการน้ำมันในตลาดเพิ่มมากขึ้น

ไอเอชเอส คาดว่า การนำเข้าน้ำมันสุทธิของเวียดนามจะลดลงเพียง 16% ภายในปี 2561 เหลือ 180,000 บาร์เรลต่อวัน หลังจากโรงงานแห่งที่สองเดินเครื่อง ตัวเลขดังกล่าวลดลงจากการนำเข้า 215,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2555

นายกรัฐมนตรีเหงียน ตัน ดุ่ง คาดว่า ในปีนี้เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตถึง 5.4% และจะเติบโตมากขึ้นในปี 2557

โรงกลั่นงีซอน ตั้งอยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ราว 180 กิโลเมตร มีบริษัทโคซัน อิเดมิตสุ, มิตซุย เคมิคัลของญี่ปุ่น ปิโตรเวียดนาม และคูเวต ปิโตรเลียม อินเตอร์เนชันแนล เป็นเจ้าของ

เวียดนามเคยพึ่งพาน้ำมันนำเข้าแต่เพียงอย่างเดียว จนกระทั่งโรงกลั่นเพียงแห่งเดียวเริ่มดำเนินการช่วงต้นปี 2552 เก้าเดือนแรกของปีนี้การนำเข้าน้ำมันของเวียดนามลดลง 23% เหลือ 5.58 ล้านตันจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโรงกลั่นซุงกวัตซึ่งมีศักยภาพการกลั่น 130,500 บาร์เรลต่อวันเดินเครื่องเต็มที่

กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ประเมินว่า ความต้องการน้ำมันโดยรวมในปีนี้จะสูงถึง 17 ล้านตัน โดย 60% จะมีการนำเข้า ผู้ค้าคนหนึ่งในสิงคโปร์กล่าวว่า แม้จะมีโรงกลั่นใหม่ แต่เวียดนามยังต้องพึ่งพาน้ำมันนำเข้าอย่างน้ำมันเครื่องบินอยู่มาก

สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศคาดว่า ในปีหน้าเวียดนามจะกลายเป็นตลาดขนส่งผู้โดยสารและสินค้าระหว่างประเทศที่เติบโตเร็วเป็นอันดับสามของโลก และผู้โดยสารภายในประเทศเติบโตเร็วเป็นอันดับสอง

ส่วนการนำเข้าน้ำมันดีเซลไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยโรงกลั่นใหม่ตอบสนองความต้องการบริโภคน้ำมันที่เติบโตตามคาดได้

อย่างไรก็ตาม เวียดนามอาจพลิกกลับไปเป็นผู้ส่งออกสุทธิได้ หากบรรลุแผนที่ต้องใช้ความพยายามสูง ในการเพิ่มศักยภาพการกลั่นภายในปี 2563 เมื่อผลผลิตเกินความต้องการ

โรงกลั่นซุงกวัตพยายามขยายผลผลิตให้ถึง 10 ล้านตันต่อปีภายในปี 2558 ส่วนปิโตรเวียดนามก็กำลังวางแผนสร้างโรงกลั่นลองซอนศักยภาพการกลั่น 10 ล้านตันต่อปีทางตอนใต้ของประเทศด้วย ตั้งเป้าว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2561



เรียบเรียงโดย KERO uAsean.com
เนื้อหาอ้างอิงจาก bangkokbiznews.com
 

เกี่ยวกับประเทศ

 

Editor Bow
ชม 5,387 ครั้ง
 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน Developed By Upbean ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการให้บริการ