ลบ
แก้ไข
สิงคโปร์ เตรียมแซงหน้ากรุงโตเกียว ขึ้นแท่นศูนย์กลางมหาเศรษฐีของเอเชีย ภายใน 10 ปี ขณะที่ การประสบความสำเร็จอย่างสูง ในฐานะศูนย์กลางทางการเงินของแดนลอดช่อง ช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ภูมิภาค
รายงานจากไนท์ แฟรงค์ ระบุว่า สิงคโปร์ จะมีพลเมือง 4,878 คน ที่มีสินทรัพย์มูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ หรือสูงกว่านี้ ภายในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 55% ตามหลังเพียงแค่กรุงลอนดอน เมื่อพิจารณาในแง่ของระดับโลก ขณะที่จำนวนมหาเศรษฐีในกรุงโตเกียว จะเพิ่มขึ้น 8% เป็น 3,818 คน รั้งอันดับ4ของโลก รองจาก นิวยอร์ค
เมื่อวันอังคาร สถาบันวิจัยอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต หรือ "อีไอยู" ที่อยู่ในเครือนิตยสาร "ดิ อิโคโนมิสต์" ของอังกฤษ เผยผลสำรวจพบว่า สิงคโปร์ เป็นมหานครที่มีค่าครองชีพสูงที่สุด จากการสำรวจ 131 เมืองใหญ่ของโลก แซงหน้าแชมป์เก่าอย่างกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นที่ร่วงไปอยู่อันดับ 9
ผลวิจัยดังกล่าววิเคราะห์ โดยเปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการกว่า 160 รายการ ใน 131 มหานครทั่วโลก เช่น อาหาร อุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องน้ำ เครื่องนุ่งห่ม ค่าจ้างแม่บ้าน ค่าโดยสารรถสาธารณะ และค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ
รายงานของไนท์ แฟรงค์ ระบุด้วยว่า จำนวนของมหาเศรษฐีในโฮจิมินห์ ซิตี้ จะเพิ่มขึ้นเกือบ3เท่า ภายในปี 2566 เป็น 246 คนจาก 90 คน ถือเป็นเมืองในเอเชีย ที่มีจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากที่สุด ตามมาด้วยกรุงจาการ์ตา ที่เพิ่มขึ้น 148% เป็น 857 คน
อลิซ ตัน หัวหน้าที่ปรึกษาและวิจัยของไนท์ แฟรงค์ ในสิงคโปร์ กล่าวว่า บรรยายกาศทางธุรกิจของสิงคโปร์ ระบบการจัดเก็บภาษี เสถียรภาพทางการเมือง และการเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค ดึงดูดบรรดามหาเศรษฐีเหล่านี้เข้ามาพำนัก
ขณะที่เศรษฐกิจของสิงคโปร์ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ขยายตัว 6.1% ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น และรัฐบาลคาดการณ์ว่า ความต้องการในต่างประเทศในปีนี้จะสดใสขึ้น
ในส่วนของกรุงลอนดอน คาดว่าจะมีมหาเศรษฐีจำนวน 4,940 คน ภายในปี 2566 ตามมาด้วยนิวยอร์ค รั้งที่ 3 ด้วยจำนวนมหาเศรษฐี 3,825 คน ส่วนฮ่องกงรั้งที่ 5 ด้วยจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้น 37% เป็น 3,502 คน
เรียบเรียงโดย KERO uAsean.com
เนื้อหาอ้างอิงจาก กรุงเทพธุรกิจ
สิงคโปร์เตรียมแซงโตเกียว'ฮับ'เศรษฐีเอเชีย
สิงคโปร์ เตรียมแซงหน้ากรุงโตเกียว ขึ้นแท่นศูนย์กลางมหาเศรษฐีของเอเชีย ภายใน 10 ปี ขณะที่ การประสบความสำเร็จอย่างสูง ในฐานะศูนย์กลางทางการเงินของแดนลอดช่อง ช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ภูมิภาค
รายงานจากไนท์ แฟรงค์ ระบุว่า สิงคโปร์ จะมีพลเมือง 4,878 คน ที่มีสินทรัพย์มูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ หรือสูงกว่านี้ ภายในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 55% ตามหลังเพียงแค่กรุงลอนดอน เมื่อพิจารณาในแง่ของระดับโลก ขณะที่จำนวนมหาเศรษฐีในกรุงโตเกียว จะเพิ่มขึ้น 8% เป็น 3,818 คน รั้งอันดับ4ของโลก รองจาก นิวยอร์ค
เมื่อวันอังคาร สถาบันวิจัยอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต หรือ "อีไอยู" ที่อยู่ในเครือนิตยสาร "ดิ อิโคโนมิสต์" ของอังกฤษ เผยผลสำรวจพบว่า สิงคโปร์ เป็นมหานครที่มีค่าครองชีพสูงที่สุด จากการสำรวจ 131 เมืองใหญ่ของโลก แซงหน้าแชมป์เก่าอย่างกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นที่ร่วงไปอยู่อันดับ 9
ผลวิจัยดังกล่าววิเคราะห์ โดยเปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการกว่า 160 รายการ ใน 131 มหานครทั่วโลก เช่น อาหาร อุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องน้ำ เครื่องนุ่งห่ม ค่าจ้างแม่บ้าน ค่าโดยสารรถสาธารณะ และค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ
รายงานของไนท์ แฟรงค์ ระบุด้วยว่า จำนวนของมหาเศรษฐีในโฮจิมินห์ ซิตี้ จะเพิ่มขึ้นเกือบ3เท่า ภายในปี 2566 เป็น 246 คนจาก 90 คน ถือเป็นเมืองในเอเชีย ที่มีจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากที่สุด ตามมาด้วยกรุงจาการ์ตา ที่เพิ่มขึ้น 148% เป็น 857 คน
อลิซ ตัน หัวหน้าที่ปรึกษาและวิจัยของไนท์ แฟรงค์ ในสิงคโปร์ กล่าวว่า บรรยายกาศทางธุรกิจของสิงคโปร์ ระบบการจัดเก็บภาษี เสถียรภาพทางการเมือง และการเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค ดึงดูดบรรดามหาเศรษฐีเหล่านี้เข้ามาพำนัก
ขณะที่เศรษฐกิจของสิงคโปร์ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ขยายตัว 6.1% ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น และรัฐบาลคาดการณ์ว่า ความต้องการในต่างประเทศในปีนี้จะสดใสขึ้น
ในส่วนของกรุงลอนดอน คาดว่าจะมีมหาเศรษฐีจำนวน 4,940 คน ภายในปี 2566 ตามมาด้วยนิวยอร์ค รั้งที่ 3 ด้วยจำนวนมหาเศรษฐี 3,825 คน ส่วนฮ่องกงรั้งที่ 5 ด้วยจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้น 37% เป็น 3,502 คน
เรียบเรียงโดย KERO uAsean.com
เนื้อหาอ้างอิงจาก กรุงเทพธุรกิจ
เกี่ยวกับประเทศ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-
ศูนย์อาเซียนศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะดำเนินการสร้างเครือข่ายอาเซียนศึกษาในระดับชาติและระหว่างประเทศ เพื่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2015...by dogTech
-
ปี2557 เป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่าน (Transition) ทั้งการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และ "ภาคธุรกิจ"ที่มีการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์สื่อโทรทัศน์ในรอบ 60 ปีส่งผลต่อวงการ "การตลาด" โดยเฉพาะ ช่องทางสื่อสารผ่าน "สื่อหลัก" ที่บรรดา...by Editor
-
ประเทศไทยกำลังที่จะก้าวขึ้นเป็น "ดีทรอยต์แห่งตะวันออก " กำลังจะเป็นความจริงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีน มีขนาดใหญ่เกือบสองเท่าของสหรัฐอเมริกา ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาค่ายรถยนต์เติบโตอย่างรวดเร็วถึง...by dogTech
-
หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทม์ รายงานว่า นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของลาวมากขึ้น หวังรับประโยชน์จากการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขณะนี้มีบริษัทต่างชาติกว่า 213...by dogTech
เรื่องมาใหม่
คำฮิต