หลักฐานชี้ MH370
*** หลักฐานชี้ เที่ยวบิน MH370 จงใจปกปิดเส้นทางการบิน ขณะที่การสืบสวนมุ่งเป้าที่ประเด็นการก่อวินาศกรรม จี้เครื่องบิน รวมทั้งมีความเป็นไปได้ว่าเครื่อง MH370 ได้ลงจอดยังที่ใดสักแห่งแล้ว
วันที่ 14 มีนาคม 2557 เว็บไซต์เนชันแนลโพสต์ ได้รายงานความคืบหน้าในการสืบหาการหายไปอย่างไร้ร่องรอยของเครื่องบินสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ที่ข้อสันนิษฐานมุ่งเป้าไปที่ประเด็นนักบินฆ่าตัวตาย หรือการก่อวินาศกรรมจี้เครื่องบิน หลังมีหลักฐานชี้ให้เห็นว่าเที่ยวบิน MH370 จงใจปกปิดเส้นทางการบิน และมีความเป็นไปได้ว่าขณะนี้เครื่อง MH370 อาจลงจอดอยู่ที่ใดสักแห่งแล้ว
ด้านรัฐบาลมาเลเซียเปิดเผยว่า จากการที่เครื่องบินยังคงบินอยู่ในเส้นทางก่อนที่ภาคพื้นดินจะไม่สามารถจับสัญญาณของเครื่องได้นั้น ชี้ให้เห็นว่าเครื่องบินที่เปลี่ยนเส้นทางไปนั้นอาจอยู่ภายใต้การควบคุมของนักบินหรือคนที่มีความรู้ด้านพิกัดการบิน
ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังตรวจสอบถึงความเป็นไปได้ ว่าเที่ยวบิน MH370 อาจถูกปิดสัญญาณโดยฝีมือของมนุษย์ และนำไปสู่การก่อวินาศกรรมจี้เครื่องบิน รวมทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่เครื่องบินอาจจะลงจอดอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วด้วย เช่นเดียวกับการคาดการณ์อื่น ๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเช่นกัน โดยหลักฐานสำคัญที่ชี้ว่าเที่ยวบิน MH370 อาจถูกปิดสัญญาณโดยฝีมือของมนุษย์คือ การติดต่อของเครื่องโบอิ้ง 777 ได้หยุดการส่งสัญญาณเพียง 1 นาทีก่อนระบบจะแจ้งเตือนถึงการหายไปของเครื่อง
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มยังมองถึงความเป็นไปได้ที่เหตุดังกล่าวอาจจะเกิดจากนักบินฆ่าตัวตาย ด้วยการนำเครื่องพุ่งดิ่งลงทะเล โดย ไมค์ กลินน์ สมาชิกคณะกรรมการสมาคมนักบินออสเตรเลียและนานาชาติ เผยต่อสำนักข่าวเอพีว่า เขาคาดว่าการฆ่าตัวตัวของนักบิน ยังสามารถเป็นสิ่งที่นำมาอธิบายได้ดีที่สุดสำหรับการหายไปของเครื่อง MH370 เช่นเดียวกับกรณีนักบินฆ่าตัวตายที่เคยเกิดขึ้นกับเครื่องบินซิลค์แอร์ที่ตกในระหว่างเส้นทางจากสิงคโปร์ไปจาการ์ต้าเมื่อปี 2540 และอียิปต์แอร์เมื่อปี 2542
“บางทีอาจเป็นตัวนักบินเองที่สามารถปิดอุปกรณ์สื่อสารได้ สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการคือการสงสัยนักบิน แต่มันก็แค่เกิดขึ้นมา 2 ครั้งแล้ว โดยนักบินอาจจะพยายามนำเครื่องดิ่งลงสู่มหาสมุทรอินเดีย เพื่อลดโอกาสของการกู้คืนข้อมูลที่ถูกบันทึก และเพื่อปกปิดว่าอุบัติเหตุนั้นเกิจากภัยพิบัติ” ไมค์ กลินน์ กล่าว
ทั้งนี้การเปิดเผยดังกล่าวตามมาหลังสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นมีรายงานว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และดาวเทียมซึ่งจัดทำโดยรัฐบาลของสหรัฐฯ และมาเลเซีย แสดงให้เห็นแนวโน้มที่เครื่องบิน MH370 จะตกบริเวณอ่าวเบงกอล หรือจุดอื่น ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย
โดยรายงานระบุว่า การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เรดาร์ทหารและดาวเทียมในการคำนวณหาเส้นทางการบินพบว่าเครื่องบิน MH370 ได้เปลี่ยนเส้นทางไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ข้ามคาบสมุทรมลายู และมีความเป็นไปได้ว่าจะบินต่อไปโดยใช้เส้นทางตะวันตกเฉียงเหนือสู่อ่าวเบลกอล หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้สู่มหาสมุทรอินเดีย รวมทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าเครื่องบิน MH370 อาจลงจอดแล้วยังหมูเกาะห่างไกลในมหาสมุทรอินเดีย
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์สได้อ้างรายงานจากแหล่งข่าวที่ไม่ปรากฎชื่อ ซึ่งระบุว่าเครื่องบินได้มุ่งหน้าไปทางหมู่เกาะอันดามัน แม้จากการตรวจสอบเรดาร์จะไม่พบเครื่องบิน MH370 บินอยู่เหนือหมู่เกาะอันดามันก็ตาม โดยเป็นที่คาดว่าเครื่องบินอาจจะน้ำมันหมดเสียก่อนที่มหาสมุทรอินเดีย หรือนักบินต้องเผชิญกับปัญหาบางอย่าง ทำให้บินไปไม่ถึงจุดหมาย
ที่มา: kapook
วันที่ 14 มีนาคม 2557 เว็บไซต์เนชันแนลโพสต์ ได้รายงานความคืบหน้าในการสืบหาการหายไปอย่างไร้ร่องรอยของเครื่องบินสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ที่ข้อสันนิษฐานมุ่งเป้าไปที่ประเด็นนักบินฆ่าตัวตาย หรือการก่อวินาศกรรมจี้เครื่องบิน หลังมีหลักฐานชี้ให้เห็นว่าเที่ยวบิน MH370 จงใจปกปิดเส้นทางการบิน และมีความเป็นไปได้ว่าขณะนี้เครื่อง MH370 อาจลงจอดอยู่ที่ใดสักแห่งแล้ว
ด้านรัฐบาลมาเลเซียเปิดเผยว่า จากการที่เครื่องบินยังคงบินอยู่ในเส้นทางก่อนที่ภาคพื้นดินจะไม่สามารถจับสัญญาณของเครื่องได้นั้น ชี้ให้เห็นว่าเครื่องบินที่เปลี่ยนเส้นทางไปนั้นอาจอยู่ภายใต้การควบคุมของนักบินหรือคนที่มีความรู้ด้านพิกัดการบิน
ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังตรวจสอบถึงความเป็นไปได้ ว่าเที่ยวบิน MH370 อาจถูกปิดสัญญาณโดยฝีมือของมนุษย์ และนำไปสู่การก่อวินาศกรรมจี้เครื่องบิน รวมทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่เครื่องบินอาจจะลงจอดอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วด้วย เช่นเดียวกับการคาดการณ์อื่น ๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเช่นกัน โดยหลักฐานสำคัญที่ชี้ว่าเที่ยวบิน MH370 อาจถูกปิดสัญญาณโดยฝีมือของมนุษย์คือ การติดต่อของเครื่องโบอิ้ง 777 ได้หยุดการส่งสัญญาณเพียง 1 นาทีก่อนระบบจะแจ้งเตือนถึงการหายไปของเครื่อง
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มยังมองถึงความเป็นไปได้ที่เหตุดังกล่าวอาจจะเกิดจากนักบินฆ่าตัวตาย ด้วยการนำเครื่องพุ่งดิ่งลงทะเล โดย ไมค์ กลินน์ สมาชิกคณะกรรมการสมาคมนักบินออสเตรเลียและนานาชาติ เผยต่อสำนักข่าวเอพีว่า เขาคาดว่าการฆ่าตัวตัวของนักบิน ยังสามารถเป็นสิ่งที่นำมาอธิบายได้ดีที่สุดสำหรับการหายไปของเครื่อง MH370 เช่นเดียวกับกรณีนักบินฆ่าตัวตายที่เคยเกิดขึ้นกับเครื่องบินซิลค์แอร์ที่ตกในระหว่างเส้นทางจากสิงคโปร์ไปจาการ์ต้าเมื่อปี 2540 และอียิปต์แอร์เมื่อปี 2542
“บางทีอาจเป็นตัวนักบินเองที่สามารถปิดอุปกรณ์สื่อสารได้ สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการคือการสงสัยนักบิน แต่มันก็แค่เกิดขึ้นมา 2 ครั้งแล้ว โดยนักบินอาจจะพยายามนำเครื่องดิ่งลงสู่มหาสมุทรอินเดีย เพื่อลดโอกาสของการกู้คืนข้อมูลที่ถูกบันทึก และเพื่อปกปิดว่าอุบัติเหตุนั้นเกิจากภัยพิบัติ” ไมค์ กลินน์ กล่าว
ทั้งนี้การเปิดเผยดังกล่าวตามมาหลังสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นมีรายงานว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และดาวเทียมซึ่งจัดทำโดยรัฐบาลของสหรัฐฯ และมาเลเซีย แสดงให้เห็นแนวโน้มที่เครื่องบิน MH370 จะตกบริเวณอ่าวเบงกอล หรือจุดอื่น ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย
โดยรายงานระบุว่า การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เรดาร์ทหารและดาวเทียมในการคำนวณหาเส้นทางการบินพบว่าเครื่องบิน MH370 ได้เปลี่ยนเส้นทางไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ข้ามคาบสมุทรมลายู และมีความเป็นไปได้ว่าจะบินต่อไปโดยใช้เส้นทางตะวันตกเฉียงเหนือสู่อ่าวเบลกอล หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้สู่มหาสมุทรอินเดีย รวมทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าเครื่องบิน MH370 อาจลงจอดแล้วยังหมูเกาะห่างไกลในมหาสมุทรอินเดีย
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์สได้อ้างรายงานจากแหล่งข่าวที่ไม่ปรากฎชื่อ ซึ่งระบุว่าเครื่องบินได้มุ่งหน้าไปทางหมู่เกาะอันดามัน แม้จากการตรวจสอบเรดาร์จะไม่พบเครื่องบิน MH370 บินอยู่เหนือหมู่เกาะอันดามันก็ตาม โดยเป็นที่คาดว่าเครื่องบินอาจจะน้ำมันหมดเสียก่อนที่มหาสมุทรอินเดีย หรือนักบินต้องเผชิญกับปัญหาบางอย่าง ทำให้บินไปไม่ถึงจุดหมาย
ที่มา: kapook
เนื้อหา 2 เรื่อง,
แชร์
0
0
ผู้ชม 11,331 ครั้ง, ผู้ติดตาม 0 คน
ผู้ชม 11,331 ครั้ง, ผู้ติดตาม 0 คน