ลบ
แก้ไข

ภาพแฟ้มวันที่ 23 เม.ย.2551 เจ้าหน้าที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ใน จ.บั๊กนีง (Bac Ninh) ใกล้กับกรุงฮานอย อุ้มทารกอายุ 5 เดือน เวียดนาม และสหรัฐ ได้บรรลุข้อตกลง จะเปิดโครงการรับบุตรบุญธรรมจากเวียดนามอีกครั้งหนึ่งเร็วๆ นี้ หลังจากหยุดไปนาน จากเรื่องอื้อฉาวต่างๆ คราวนี้ต่างจากเดิมคือ จะอนุญาตให้รับเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป หรือเด็กที่มีความจำเป็นต้องหาผู้อุปการะอย่างมากเท่านั้น .
ทางการสหรัฐกับทางการเวียดนามแถลงในวันศุกร์ 11 ก.ย.นี้ว่า จะเริ่มโครงการรับลูกบุญธรรมจากเวียดนามอีกครั้งหนึ่งในเร็วๆ นี้ แต่จะทำอย่างจำกัด หลังจากโครงการนี้ได้หยุดไป 6 ปี จากการกล่าวหาว่า มีการค้าขายทารก และ มีการมอบเด็กๆ ให้ โดยปราศจากการยินยอมของผู้ปกครองอันชอบธรรม ภายใต้โครงการใหม่นี้สหรัฐจะอนุญาตให้รับเฉพาะเด็กที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น และ จะต้องมีอายุ 5 ปีขึ้นไป
นายเหวียนวันบี่ง (Nguyen Van Binh) ผู้อำนวยการของหน่วยงานบุตรบุญธรรม กระทรวงยุติธรรมเวียดนามกล่าวว่า สองหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายสหรัฐ จะได้รับใบอนุญาตสัปดาห์หน้า เพื่อกลับเข้าไปดำเนินการในเวียดนาม
ก่อนจะมีการห้ามในปี 2551 เวียดนามได้เป็นปลายทางยอดนิยมแห่งหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่แสวงหาลูกบุญธรรม แต่เรื่องนี้ได้สร้างความเป็นกังวลใจให้กับสถานทูตที่กล่าวว่า ความต้องการได้ทำให้ การจัดการเรื่องนี้ขาดความรัดกุม ทั้งในการจัดหาเด็กที่มีสุขภาพดี อายุยังไม่มากให้แก่ผู้ปกครองที่คาดหวัง ที่เตรียมพร้อมเพื่อจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้ ซึ่งทำให้เกิดคำถามทางด้านศีลธรรมขึ้นมา
ในปี 2552 คณะกรรมาธิการขององค์การสหประชาชาติชุดหนึ่ง ได้ออกรายงานยืนยันเกี่ยวกับการกล่าวหา ในกระบวนการรับบุตรบุญธรรมในเวียดนาม โดยระบุว่าหน่วยงานรับบุตรบุญธรรมได้จ่ายเงิน ให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งต่างๆ ซึ่งทำให้มีการออกเสาะหาเด็กๆ ให้ โดยบ่อยครั้งไม่ได้มีการตรวจเช็คถึงภูมิหลังหรือสภาพทางครอบครัว
วุฒิสมาชิกอเมริกันจำนวนหนึ่ง และกลุ่มล็อบบี้นานาชาติเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเวียดเนามออกกฎหมายที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ติดตามกระบวนการต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้การรับบุตรบุญธรรม สามารถเริ่มขึ้นได้อีกครั้ง สถานทูตสหรัฐกล่าวว่า ความตกลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็น "ความสำเร็จ" อย่างหนึ่ง ในความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐกับเวียดนาม
มีผู้ต้องการจะเป็นพ่อแม่บุญธรรมจำนวนจำกัด ที่ต้องการเด็กที่มีอายุมากกับเด็กกลุ่มที่มีความจำเป็น ซึ่งหมายความว่ากระขบวนการติดตามตรวจตราเรื่องนี้จะทำได้ง่ายขึ้น
ความต้องการการรับบุตรบุญธรรมจากประเทศต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สำหรับคนโสดที่ต้องการมีบุตร หรือคู่ครองที่ไม่สามารถมีบุตรได้ หรือไม่ประสงค์จะตั้งครรภ์เอง การขอรับเด็กๆ จากประเทศยากจนต่างๆ ไปเลี้่ยงดูนั้นเป็นความคิดที่น่าสนใจ แต่โครงการในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ เช่น เฮติกับกัวเตมาลา เต็มไปด้วยเรื่องฉาวโฉ่ กับการกล่าวหา เกี่ยวกับการค้าขายทารก
ในเดือน ก.ย.2555 เจ้าหน้าที่จากไอร์แลนด์กับเวียดนาม ได้เซ็นความตกลงเพื่อเริ่มโครงการบุตรบุญธรรมอีกครั้ง หลังจากหยุดไปตั้งแต่ปี 2552
ตามสถิติของนายปีเตอร์ เซลแมน (Peter Selman) ผู้เชี่ยวชาญแห่งมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ จำนวนการรับเด็กจากประเทศต่างๆ ไปเลี้ยงดูได้ลดลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 15 ปี ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผล จากความหวาดกลัวต่อเรื่องการค้าทารกอันอื้อฉาว.
ขอบคุณที่มา :
เวียดนาม-สหรัฐ เริ่มโครงการบุตรบุญธรรมอีกครั้งหลังหยุดยาวไป 6 ปี
ภาพแฟ้มวันที่ 23 เม.ย.2551 เจ้าหน้าที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ใน จ.บั๊กนีง (Bac Ninh) ใกล้กับกรุงฮานอย อุ้มทารกอายุ 5 เดือน เวียดนาม และสหรัฐ ได้บรรลุข้อตกลง จะเปิดโครงการรับบุตรบุญธรรมจากเวียดนามอีกครั้งหนึ่งเร็วๆ นี้ หลังจากหยุดไปนาน จากเรื่องอื้อฉาวต่างๆ คราวนี้ต่างจากเดิมคือ จะอนุญาตให้รับเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป หรือเด็กที่มีความจำเป็นต้องหาผู้อุปการะอย่างมากเท่านั้น .
ทางการสหรัฐกับทางการเวียดนามแถลงในวันศุกร์ 11 ก.ย.นี้ว่า จะเริ่มโครงการรับลูกบุญธรรมจากเวียดนามอีกครั้งหนึ่งในเร็วๆ นี้ แต่จะทำอย่างจำกัด หลังจากโครงการนี้ได้หยุดไป 6 ปี จากการกล่าวหาว่า มีการค้าขายทารก และ มีการมอบเด็กๆ ให้ โดยปราศจากการยินยอมของผู้ปกครองอันชอบธรรม ภายใต้โครงการใหม่นี้สหรัฐจะอนุญาตให้รับเฉพาะเด็กที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น และ จะต้องมีอายุ 5 ปีขึ้นไป
นายเหวียนวันบี่ง (Nguyen Van Binh) ผู้อำนวยการของหน่วยงานบุตรบุญธรรม กระทรวงยุติธรรมเวียดนามกล่าวว่า สองหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายสหรัฐ จะได้รับใบอนุญาตสัปดาห์หน้า เพื่อกลับเข้าไปดำเนินการในเวียดนาม
ก่อนจะมีการห้ามในปี 2551 เวียดนามได้เป็นปลายทางยอดนิยมแห่งหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่แสวงหาลูกบุญธรรม แต่เรื่องนี้ได้สร้างความเป็นกังวลใจให้กับสถานทูตที่กล่าวว่า ความต้องการได้ทำให้ การจัดการเรื่องนี้ขาดความรัดกุม ทั้งในการจัดหาเด็กที่มีสุขภาพดี อายุยังไม่มากให้แก่ผู้ปกครองที่คาดหวัง ที่เตรียมพร้อมเพื่อจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้ ซึ่งทำให้เกิดคำถามทางด้านศีลธรรมขึ้นมา
ในปี 2552 คณะกรรมาธิการขององค์การสหประชาชาติชุดหนึ่ง ได้ออกรายงานยืนยันเกี่ยวกับการกล่าวหา ในกระบวนการรับบุตรบุญธรรมในเวียดนาม โดยระบุว่าหน่วยงานรับบุตรบุญธรรมได้จ่ายเงิน ให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งต่างๆ ซึ่งทำให้มีการออกเสาะหาเด็กๆ ให้ โดยบ่อยครั้งไม่ได้มีการตรวจเช็คถึงภูมิหลังหรือสภาพทางครอบครัว
วุฒิสมาชิกอเมริกันจำนวนหนึ่ง และกลุ่มล็อบบี้นานาชาติเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเวียดเนามออกกฎหมายที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ติดตามกระบวนการต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้การรับบุตรบุญธรรม สามารถเริ่มขึ้นได้อีกครั้ง สถานทูตสหรัฐกล่าวว่า ความตกลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็น "ความสำเร็จ" อย่างหนึ่ง ในความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐกับเวียดนาม
มีผู้ต้องการจะเป็นพ่อแม่บุญธรรมจำนวนจำกัด ที่ต้องการเด็กที่มีอายุมากกับเด็กกลุ่มที่มีความจำเป็น ซึ่งหมายความว่ากระขบวนการติดตามตรวจตราเรื่องนี้จะทำได้ง่ายขึ้น
ความต้องการการรับบุตรบุญธรรมจากประเทศต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สำหรับคนโสดที่ต้องการมีบุตร หรือคู่ครองที่ไม่สามารถมีบุตรได้ หรือไม่ประสงค์จะตั้งครรภ์เอง การขอรับเด็กๆ จากประเทศยากจนต่างๆ ไปเลี้่ยงดูนั้นเป็นความคิดที่น่าสนใจ แต่โครงการในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ เช่น เฮติกับกัวเตมาลา เต็มไปด้วยเรื่องฉาวโฉ่ กับการกล่าวหา เกี่ยวกับการค้าขายทารก
ในเดือน ก.ย.2555 เจ้าหน้าที่จากไอร์แลนด์กับเวียดนาม ได้เซ็นความตกลงเพื่อเริ่มโครงการบุตรบุญธรรมอีกครั้ง หลังจากหยุดไปตั้งแต่ปี 2552
ตามสถิติของนายปีเตอร์ เซลแมน (Peter Selman) ผู้เชี่ยวชาญแห่งมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ จำนวนการรับเด็กจากประเทศต่างๆ ไปเลี้ยงดูได้ลดลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 15 ปี ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผล จากความหวาดกลัวต่อเรื่องการค้าทารกอันอื้อฉาว.
ขอบคุณที่มา :

เกี่ยวกับประเทศ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-
รัฐบาลลาวไฟเขียว สร้างทางรถไฟเชื่อม ไทย-ลาว-เวียดนาม มูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์ โดยมีบริษัทจากมาเลเซีย เป็นผู้ดำเนินการ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2556 มีรายงานว่า...by สิรินภา เลิศสุรวัฒน์
-
นายกฯตู่ ร่วมประชุม อาเซียน-จีน หนุนยกระดับความตกลงเขตการค้าเสรี จัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย เชื่อมโยงภูมิภาคในทุกมิติ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี...by Editor
-
การคงความเป็นธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ของ ฝั่งภาคใต้ในสปป.ลาว ยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวจากธรรมชาติสร้างขึ้น หลายแห่งยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก การแสวงหาลู่ทางของนักธุรกิจก็เริ่มมีความสนใจมากขึ้น...by Editor
-
เมื่อมีการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นก็ต้องมีส่วนที่ล้าสมัยและกำลังจะหายไป บทความชิ้นหนึ่งจากนิตยสาร The Futurist นักอนาคตศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี...by Editor Bow
เรื่องมาใหม่
คำฮิต