ลบ แก้ไข

เปิดตัว'อาณาจักรโซเมีย' ภูมิศาสตร์วัฒนธรรมใหม่กับเออีซี


      คําว่า "โซเมีย" หรือ "Zomia" คือศัพท์บัญญัติที่เคยเป็นที่ฮือฮาในแวดวงการรวมกลุ่มบูรณาการภายในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งถูก คิดค้นโดย "Willem Van Schendel" นักประวัติศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี 2545 และถูกนํามาใช้อย่างแพร่หลายในงานเขียนของ James C. Scott นักรัฐศาสตร์และนักมานุษยวิทยาชื่อดัง

     สําหรับความหมายที่แท้จริงของ "โซเมีย" มักหมายถึง โซนภูมิศาสตร์วัฒนธรรมที่ตั้งอยู่บนที่สูงเหนือระดับน้ําทะเล 300 เมตรขึ้นไป โดยมีอาณาเขตครอบคลุมดินแดนชายขอบที่กินทับตะเข็บชายแดนภูเขาตั้งแต่จีนตอนใต้อินเดียตะวันออกเฉียงเหนือ บังกลาเทศภาคตะวันออก ตลอดจนพื้นผิว ขุนเขาในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเช่น พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์ตามแนวเทือกเขาดาวนะ-เทือกเขาตะนาวศรีพื้นที่ชายแดนลาว-เวียดนาม และบางส่วนของกัมพูชาตามเส้นภูผาอันนัม

      สัณฐานของขุนเขาชายขอบดังกล่าว นอกจากจะเป็นแหล่งรวมของชาติพันธุ์ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม อาทิกลุ่มชนในเขตอัสสัม มณีปุระ และตรีปุระของอินเดีย ในเขตภูเขาจิตตะกองของบังกลาเทศ ในเขตสามเหลี่ยมทองคําที่เต็มไปด้วยเหล่าพหุชนชาติอย่างเช่น กลุ่มว้า ปะโอ อาข่า ฯลฯหากแต่ขอบเขตอาณาจักรโซเมียนั้นยังเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติซึ่งสอดรับกับกระแสการลงทุนยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องการขุดเจาะเหมืองแร่และอัญมณีรัตนชาติการจัดตั้งเขตสัมปทานป่าไม้การครอบครองพื้นที่สร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าและการพัฒนาการค้าตามแนวระเบียงเศรษฐกิจโลจิสติก

      โดยถึงแม้ว่าคําอธิบายเกี่ยวกับโซเมีย จะมุ่งเน้นไปที่การตีความเชิงประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและมานุษยวิทยา เพื่อค้นหาลักษณะร่วมของกลุ่มชนบนที่สูง หากแต่ในแง่มุมของการรวมกลุ่มอาเซียน โซเมียกลับเป็นเทรนด์ใหม่มาแรงที่กระตุ้นให้นักธุรกิจนานาชาติต่างหันมาเร่งศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรและคุณลักษณะพื้นฐานของวัฒนธรรมโซเมียกันอย่างจริงจัง

      ยกตัวอย่าง เช่น การพัฒนาด่านการค้าชายแดนระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน ซึ่งต้องเจาะทะลุผ่านแนวตะเข็บโซเมีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งด่านศุลกากรและขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางโลจิสติกส์ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปเปิดตลาดตรงเขต เทือกเขาอันนัม ที่มักเชื่อมโยงไปยัง ไร่ปลูกกาแฟขนาดใหญ่ทางแถบทีราบสูง โบโลเวนส์ของลาว รวมถึงหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของกลุ่มชนหลากหลายเผ่าพันธุ์อาทิ กลุ่มเย้า ลาวโซ่ง และม้งดํา

      หรือในกรณีของการพัฒนาเส้นทาง การค้าจากด่านแม่สอด จังหวัดตาก มุ่งตรงเข้าสู่เมืองมะละแหม่งของ
เมียนมาร์ซึ่งเริ่มกระตุ้นให้นักธุรกิจไทยหันมาทํา ความรู้จักกับพื้นที่ชายแดน ซึ่งมักเต็มไปด้วย
การตั้งถิ่นฐานของกองกําลัง กะเหรี่ยงที่คอยตั้งด่านเก็บค่าผ่านทางในเขตป่าเขาอันห่างไกลจากอํานาจรัฐบาลพม่า หรือแม้แต่การขยายตลาดจากเมียนมาร์พุ่งตรงเข้าสู่อินเดีย และบังกลาเทศที่ต้องพาดผ่านเขตดินแดนหัวใจโซเมีย(Heartland Zomia) อันเป็นหมุดหมายหลักทางภูมิศาสตร์ที่จะนําพาทุนไทยให้เข้าไปหลอมรวมกับย่านตลาดใหม่ในเอเชียใต้และตะวันออกกลาง

      อาจทํานายได้ว่า "อาณาจักรโซเมีย" (ที่ครอบคลุมพื้นที่ราว 2.5 ล้านตารางกิโลเมตร พร้อมประชากรอีก 100-125 ล้านคน) ถือเป็นจินตนาการทางภูมิศาสตร์วัฒนธรรมแนวใหม่ ที่มุ่งทลายระบบคิดแบบศูนย์กลางรัฐชาติแนวดั้งเดิม มาเป็นระบบคิดเชิงชายแดนชายขอบ ที่เน้นการผนวกอาณาจักรการค้าตอนใน (Hinterland Emporium) โดยการถูกหลอมรวมบูรณาการ พร้อมค่อย ๆ แปลงสภาพเป็นตัวเชื่อมเชิงพาณิชย์ (Commercial Linker) ที่ยึดโยงให้อาเซียน เอเชียใต้และเอเชียตะวันออก มีปฏิสัมพันธ์ทางการค้าที่กระชับแน่นขึ้น

      กระนั้น การระดมพลังเม็ดเงินผ่านอาณาจักรโซเมียแห่งนี้กลุ่มพ่อค้าอาเซียนคงจําเป็นต้องลงทุนศึกษาวิจัยสภาพเศรษฐกิจสังคมของชนที่สูงกันอย่างเข้มข้น เนื่องจากอาณาจักรสนธยาที่กําลังจะแปลงร่าง  
เข้าสู่อาณาจักรการค้าแห่งนี้ถูกทําให้เป็นชายขอบ (Marginalization) มาอย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งก็ทําให้
ความเป็นโซเมีย มักจะอยู่นอกเหนือจากกระบวนการรับรู้กระแสหลักของผู้คนในเขตศูนย์กลาง มาเป็นเวลาช้านาน

ขอบคุณที่มา :  
 (ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) (ประชาชาติธุรกิจ) 
 
 

เกี่ยวกับประเทศ

 

Editor
ชม 2,233 ครั้ง
 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน Developed By Upbean ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการให้บริการ