ลบ แก้ไข

เมียนมาร์ “ขาขึ้น”, ไทย “ขาลง”

 


นายวิษณุ จันทร์แจ้ง ประธานเครือข่ายส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดการศึกษามัธยมศึกษา จังหวัดยะลา เชิญ ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “สิ่งที่นักเรียนมัธยมศึกษาควรรู้เกี่ยวกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” รับใช้นักเรียนมัธยมศึกษาจังหวัดยะลา 400 คน 09.00-12.00 น. 21 พฤศจิกายน 2557 โรงแรมการ์เด้นวิว อ.เบตง จ.ยะลา

เมียนมาร์เคยเป็นประเทศเผด็จการ ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย เป็นชาติรัฐที่เคยโดนนานาอารยประเทศลงโทษไม่คบค้าสมาคมด้วย เคยเป็นประเทศที่คนบนโลกจำนวนไม่น้อยดูหมิ่นถิ่นแคลนและรังเกียจเดียดฉันท์

หลังจากที่รัฐบาลเปลี่ยนฮวงจุ้ยประเทศ โดยการย้ายเมืองหลวงจากนครย่างกุ้งไปยังกรุงเนปิดอว์ เปลี่ยนชื่อจากสหภาพพม่า เป็นสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เปลี่ยนธงชาติ ฯลฯ ราศีของประเทศก็ดีขึ้นโดยลำดับ ผู้อ่านท่านลองหลับตาจินตนาการนึกถึงสถานะของเมียนมาร์เมื่อทศวรรษที่แล้วซีครับ ต่างจากสถานะของเมียนมาร์ในวันนี้ราวกับฟ้ากะเหว

14 พฤศจิกายน 2557 จีนกับเมียนมาร์ลงนามในข้อตกลงสร้างโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติราคา 7,800 ล้านดอลลาร์ (2.3 แสนล้านบาท) + ลงนามในข้อตกลงอื่นๆอีกหลายฉบับ ทั้งสินเชื่อกู้ยืมสำหรับภาคเกษตร โครงการด้านการเงิน โครงการด้านโทรคมนาคม ฯลฯ

นอกจากนายหลี เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีนเสนอโน่นนี่นั่นให้จนรับไม่ไหวแล้ว นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ยังเสนอสินเชื่อกู้ยืมแก่เมียนมาร์เพื่อใช้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือ โรงไฟฟ้าในเขตเศรษฐกิจติลาวา โครงการสร้างโครงข่ายสายส่งกระแสไฟฟ้า เงินช่วยเหลือสำหรับกิจการขนาดเล็กและขนาดกลาง ฯลฯ

นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กลัวจะตกขบวนรถไฟ รีบกระโจนเกาะกระไดด้วยการออกแถลงการณ์ร่วมกับประธานาธิบดีเต็งเส่งว่า เราจะช่วยกันเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างเมียนมาร์กับอินโดนีเซีย และต่อแต่นี้เป็นต้นไป อินโดนีเซียจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเมียนมาร์ เพื่อร่วมพัฒนาภาคการเกษตร พลังงาน เทคโนโลยี การป้องกันการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ ฯลฯ เดิมประชาชนคนเมียนมาร์จะไปอินโดนีเซีย ต้องขอวีซ่ายุ่งยาก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557 เป็นต้นไป คนเมียนมาร์จะไปอินโดนีเซียก็เชิญเลยครับ ไม่ต้องมีวีซ่าแล้ว

ถ้าเอาสิ่งที่ผู้นำชาติต่างๆ มอบถวายให้เมียนมาร์ในห้วงช่วงสัปดาห์ที่แล้วทั้งหมดมาเขียนรับใช้ ทั้งคอลัมน์ก็ไม่ต้องเขียนเรื่องอื่นแล้วครับ รับรองไม่พอ เอาเป็นว่า ถ้ารวมเม็ดเงินจากต่างประเทศที่จะไหลเข้าไปในแผ่นดินเมียนมาร์ ก็น่าจะเป็นเงินหลายแสนล้านบาท เงินเหล่านี้จะเข้าไปสร้างงานให้เกิดขึ้นในเมียนมาร์อีกมากมายหลายแสนตำแหน่ง

ท่านที่มีคนงานเมียนมาร์ทำงานอยู่ในบ้านเรือน ในภัตตาคารร้านอาหาร หรือในบริษัทของท่าน ก็เตรียมทำใจไว้เถิด ว่าคนงานเมียนมาร์ ทั้งพม่า ไทยใหญ่ มอญ กะเหรี่ยง ฯลฯ ที่ทำงานรับใช้ท่านมาระยะหนึ่งนั้น อีกไม่นาน คนงานเหล่านั้นก็จะกลับไปบ้านเมืองนอนของตน กิจการของท่านทั้งหลาย ก็จะต้องหาคนมาทำงานมาทำกันใหม่ ขอแนะนำว่าท่านต้องเตรียมรับสมัครกันไว้เสียแต่เนิ่นๆ เพราะเมื่อเม็ดเงินจำนวนมหาศาลไหลเข้าไปในประเทศ รัฐบาลเมียนมาร์ก็จะต้องตีเกราะเคาะกลอง และร้องส่งสัญญาณให้คนของตนเองกลับไปช่วยกันสร้างชาติ

คนงานนับล้านคนเหล่านี้มาอยู่ที่เมืองไทยกันคนละหลายปี มีประสบการณ์ ความรู้ความเชี่ยวชาญในกิจการด้านต่างๆเป็นอย่างดี ประเทศไทยเป็นทั้งสถานที่ที่คนเมียนมาร์มาทำเงิน มาหาประสบการณ์ความชำนาญ คนงานเมียนมาร์ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งภาษา ได้ทั้งความรู้ความเข้าใจในประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนประชิดติดกันอย่างไทย

ผู้อ่านท่านทั้งหลายจะมองคนงานเมียนมาร์ในสถานะไหนก็แล้วแต่ แต่ผมมองว่า คนงานเหล่านั้นคือทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของเมียนมาร์ เมื่อคนงานกลับไปสร้างชาติ โดยมีเม็ดเงินจำนวนมากมายหลายแสนล้านบาทที่กระจัดพลัดพรายไปทุกตรอกซอกมุมของประเทศเป็นตัวหนุน เมียนมาร์พัฒนาเพียงพรึ่บเดียว ก็จะเติบโตทันเพื่อนบ้านทั้งหลาย

ส่วนเศรษฐกิจของไทยที่ขยับขับเคลื่อนเขยื้อนได้เพราะแรงงานเมียนมาร์ เมื่อแรงงานเหล่านั้นกลับไป ก็จะยืนตายเหมือนต้นไม้ขาดน้ำ กว่าที่จะสร้างคนไทยมาทำงานแทนได้ก็ต้องใช้เวลาอีกนาน ข้อสำคัญก็คือ คนของเรายังมีความชำนาญในงานเหล่านั้นอยู่อีกไหม?

เมียนมาร์เป็นสาธารณรัฐแห่งสหภาพ “ขาขึ้น”

ไทยกำลังจะเป็นราชอาณาจักร “ขาลง”.

ขอขอบคุณที่มา : คุณนิติ นวรัตน์ ( ไทยรัฐ )

 

เกี่ยวกับประเทศ

 

Editor
ชม 2,213 ครั้ง
 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน Developed By Upbean ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการให้บริการ