ลบ
แก้ไข
"เวิล์ดแบงก์"ชูไทยเป็นผู้นำพลังงานแสงอาทิตย์แห่งอาเซียน ยกย่อง "ซีอีโอเอสพีซีจี" ผู้พัฒนาโซล่าร์ฟาร์มสำเร็จแห่งแรกในไทยและชาติอาเซียน ขณะที่ "ซีอีโอหญิงไทย" ปลื้มช่วยสร้างงานในประเทศได้กว่า 2 หมื่นตำแหน่ง ช่วยสร้างความมั่นคงพลังงานแห่งอนาคต
"เวิล์ดแบงก์"ชู SPCG เป็นผู้นำพลังงานแสงอาทิตย์

"เวิล์ดแบงก์"ชูไทยเป็นผู้นำพลังงานแสงอาทิตย์แห่งอาเซียน ยกย่อง "ซีอีโอเอสพีซีจี" ผู้พัฒนาโซล่าร์ฟาร์มสำเร็จแห่งแรกในไทยและชาติอาเซียน ขณะที่ "ซีอีโอหญิงไทย" ปลื้มช่วยสร้างงานในประเทศได้กว่า 2 หมื่นตำแหน่ง ช่วยสร้างความมั่นคงพลังงานแห่งอนาคต
วันที่ 2 มิ.ย. น.ส.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ได้รับเชิญจาก World Bank Group ไปร่วมบรรยาย เรื่อง "ความสำเร็จของการเป็นผู้นำ ในการพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มแห่งแรกในประเทศไทย และในประชาคม ASEAN" ถือเป็นผู้หญิงคนเดียวของอาเซียนที่ถูกเชิญให้ขึ้นไปพูดบนเวที ณ เมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน
น.ส.วันดี กล่าวว่า การเลือกทำโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ เพราะเห็นว่า ประเทศไทยมีความเหมาะสมในหลายปัจจัยโดยเฉพาะพื้นที่และความเข้มของแสงอาทิตย์ และเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันการเงิน แต่กว่าจะสำเร็จในโครงการแรกเมื่อ 5 ปีที่แล้วได้ยากเย็นมาก เพราะไม่มีธนาคารใดในประเทศไทยให้กู้ เพื่อทำโครงการนี้เลย
อย่างไรก็ตาม การที่ International Finance Corporation หรือ IFC ภายใต้ world bank ให้การสนับสนุน ปล่อยกู้ผ่านธนาคารกสิกร ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ มีการชำระคืนยาวนานกว่าเงินกู้ทั่วไป ซึ่งโครงการโซล่าร์ฟาร์มของบริษัทเอสพีซีจี ถือเป็นโครงการแรกของประเทศไทยและอาเซียน ที่ได้รับการสนับสนุน จึงกล่าวได้ว่า world bank เป็นส่วนสำคัญของการส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานให้ไทยและโลก ทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสดงอาทิตย์ จนประสบผลสำเร็จ
สำหรับ แรงบันดาลใจที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการพัฒนา solar farm เป็นคนแรกในประเทศเมื่อ 5 ปีก่อน ทั้งที่เกษียณจากการทำงานแล้ว เป็นเพราะรัฐบาลในอดีต ประกาศเป็นนโยบายสนับสนุนให้ภาคเอกชน มาลงทุนพัฒนาหมุนเวียนรูปแบบต่างๆ จึงตัดสินใจกลับมาทำงานใหม่อีกครั้ง ด้วยปรัชญาในการทำงานที่ว่า เริ่มต้นทำงานจากความเชื่อ แล้วทำให้สุดกำลังความสามารถ จนทำให้วันนี้ประสบความสำเร็จ เป็นผู้นำการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของไทยและอาเซียน
น.ส.วันดี กล่าวว่า หลังจากโครงกาารที่ 1 ประสบความสำเร็จ ทำให้การลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในไทย และประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเซีย สำหรับประเทศไทยสามารถช่วยสร้างานกว่า 20,000 คนในช่วงก่อสร้าง และอีกกว่า 2,000 ตำแหน่งงานในช่วงอีก 30 ปี นอกจากนี้ยังช่วยลดมลภาวะ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เทียบแล้วจะลดการปล่อยคาบอนไดออกไซด์ 210,000 ตันต่อปี
"ในประเทศไทยช่วง 5 ปีที่ผ่านมีการพัฒนา และนำไปสู่การพึ่งตนเอง คือประชาชนที่มีความรู้ได้ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้เอง หรือเรียกว่า solar roof top และเชื่อมั่นว่า แนวทางการพัฒนาการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยสร้างงานสร้างรายได้ในชนบท และเป็นพลังงานที่ยั่งยืนและมั่นคงแก่ประเทศในอนาคต" น.ส.วันดีกล่าว
นอกจากนี้ "โครงการโซล่าฟาร์ม" ของเอสพีซีจียังได้เปิด ศูนย์การเรียนรู้ Education Center ให้ประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชมเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ด้านพลังงาน ซึ่งไทยจะเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม และให้เยาวชนรุ่นหลังรู้จักการใช้พลังงานสะอาด และไม่มีมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บ้านเมือง www.banmuang.co.th
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บ้านเมือง www.banmuang.co.th

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-
คนงานหลายพันคนของโรงงานใหญ่แห่งหนึ่งในภาคใต้ของเวียดนาม ผละงานประท้วงสิทธิประกันสังคมต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ในวันนี้ (31)...by Editor
-
ภาพแฟ้มเอเอฟพีปี 2556 พนักงานทำงานอยู่ในโรงงานผลิตรองเท้าแห่งหนึ่งชานกรุงฮานอย.--Reuters/Kham. หอการค้าสหรัฐฯ (AmCham) คาดการณ์ว่ามูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ ในปีนี้จะมีมูลค่าถึง 29,400 ล้านดอลลาร์...by Editor
-
ข้าวเปลือกถูกตากกองรวมไว้กลางลานในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ยอดส่งออกข้าว 9 เดือนแรกของปีนี้ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังทางการพยายามส่งเสริมอุตสาหกรรมข้าวของประเทศ และตั้งเป้าจะส่งออกให้ได้ 1 ล้านตันในปี...by Editor
-
เตื่อยแจ๋ - วัยรุ่นเวียดนามเผชิญกับความไม่สมดุลอย่างรุนแรงในการใช้เวลาสำหรับการศึกษา พักผ่อน และทำกิจกรรมสันทนาการ ซึ่งจากการสำรวจนักเรียน 400 คน ที่มีอายุระหว่าง 13-19 ปี ในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ พบว่ามี...by Editor
เรื่องมาใหม่
คำฮิต