ไทยและอาเซียนในตลาดจีนอีก 5 ปีข้างหน้า (2558-62) ซึ่งหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(เออีซี) และทุกประเทศลดภาษีเหลือ0% ว่า คาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้า ประเทศในกลุ่มอาเซียน รวมทั้งไทย จะขาดดุลการค้ากับจีนไม่ต่ํากว่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 9.75 แสนล้านบาทต่อปีจากมูลค่าส่งออกอาเซียนไปจีน 3.29 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 10.7 ล้านล้านบาท แต่จีนนําเข้าจากอาเซียน 3.71 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 12นายอัทธ์พิศาลวานิช คณะบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อํานวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย เปิดเผยถึงการแข่งขันสินค้าล้านล้านบาท เฉพาะในส่วนของการส่งออกไทยไปจีนในอีก 5 ปีข้างหน้า ไทยจะเสียประโยชน์มาก เพราะโดนประเทศสมาชิกในอาเซียนแย่งตลาด โดยเฉพาะกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ําโขง (ซีแอลเอ็มวี) ได้แก่กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ทําให้มูลค่าการส่งออกใน 14 กลุ่มสินค้าหลัก ที่มีสัดส่วน 70% ของการส่งออกรวมไปจีน ลดลง 6.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2.03 แสนล้านบาท ที่เหลืออีก 30% อาทิเชื้อเพลิง จะได้รับประโยชน์เพิ่มและมีมูลค่า 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 8.5 หมื่นล้านบาท เมื่อหักลบกันแล้วยังทําให้ไทยสูญเงินส่งออกไปจีน 3.62 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.17 แสนล้านบาท ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดในจีนเพิ่มในอัตราถดถอย โดยเพิ่มแค่ 0.02% หรอเพ ื ิ่มจาก 1.95% เป็น 1.97%
สถานะสินค้าไทยในจีนอีก 5 ปีข้างหน้า ที่เสียหายมากขึ้นคือ ข้าวสาร สัตว์น้ํา เครื่องใช้ไฟฟ้าและ
อิเล็กทรอนิกส์สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย รองเท้า อัญมณีส่วนที่ได้ประโยชน์คือ มันสําปะหลัง ผลไม้อาหารแปรรูป ยางและผลิตภัณฑ์ยาง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่กังวลหนักสุดคือข้าว ที่ส่วนแบ่งจะเหลือ 20-30% จาก 90% โดยจีนหันนําเข้าจากเวียดนาม พม่า และกัมพูชา แทน สัตว์น้ําเสียตลาดให้เวียดนามและอินโดนีเซีย และเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียตลาดให้อินโดนีเซียและมาเลเซีย
ก่อนหน้านี้จีนนําเข้าจากไทยเป็นอันดับสองรองจากมาเลเซีย แต่อีก 5 ปีข้างหน้า อันดับนําเข้าจากไทยจะลดลงต่อเนื่อง ไทยจะตกไปอยู่อันดับ 4 โดยอินโดนีเซียขยับมาแทนจากอันดับ 3 เวียดนามขึ้นจากอันดับ 5 เป็น 3 ขณะที่ประเทศในกลุ่มซีแอลเอ็มวีจะขยายตัวเพิ่มอย่างรวดเร็ว เพราะได้เปรียบเรื่องค่าแรงงานถูกและมีจํานวนมาก ทําให้เกิดการไหลเข้าของแหล่งทุนจากในอาเซียนและนอกอาเซียน ในนั้นก็จะมีจีนใช้เป็นฐานผลิตแทนการนําเข้าจากประเทศอื่นๆ
นายอัทธ์กล่าวว่า รัฐควรเร่งรับมือปัญหาจากส่งออกไปจีนลดลง โดยให้การสนับสนุนการตั้งศูนย์กระจายสินค้าทุกเมืองสําคัญในจีน และศึกษาการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ส่วนภาพรวมการส่งออกของไทยในปี 2557 คาดว่าโตต่ํากว่า 1% ที่ไม่ติดลบ เพราะเชื่อว่ายอดส่งออกไตรมาส 4 ดีขึ้น โดยการส่งออกจะฟื้นตัวในปี 2558 และโตได้ 4% ปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.6% ค่าบาทอ่อนค่าทรงตัว 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ํามันไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และการค้าชายแดนขยายตัวต่อเนื่อง แต่ปัจจัยเฝ้าระวังคือเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวในยุโรป ญี่ปุ่น และจีน เมื่อรวมกับเงินลงทุนรัฐการปรับโครงสร้างภาษีก็จะทําให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าโตได้ 4-5%
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : มติชน