พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน ประธานประเทศลาว ได้ประกอบพิธีเปิดใช้สนามบินแห่งใหม่ของลาวอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ 30 พ.ค.นี้ ที่เมืองอัตตะปือ แขวงอัตตะปือ โดยประธานาธิบดีเวียดนาม นายเจืองเติ๋นชาง (Truong Tan Sang) พร้อมกับรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอีกหลายนายเดินทางไปร่วมด้วย นับเป็นการเปิดดินแดนที่ยากต่อการเข้าถึงมากที่สุดแห่งหนึ่งของลาวออกสู่โลกภายนอก และจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งทางตอนใต้สุดของประเทศ
สนามบินที่เปิดใช้นี้เป็นเฟสแรก ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 2 ปี มีเนื้อที่ทั้งหมด 4,300 ตารางเมตร รวมทั้งอาคารที่สามารถรับผู้โดยสารได้วันละ 300 คน รันเวย์ยาว 1,850 เมตร กว้าง 30 เมตร รับเครื่องบินโดยสารระดับ ATR72 กับฟ็อกเกอร์ (Fokker) ได้ เป็นโครงการสำคัญอีกโครงการหนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกันระหว่างลาว และเวียดนาม ก่อสร้างโดยรัฐบาลลาว ภายใต้สัญญาการลงทุนแบบ B/T (Build and Transfer) โดยบริษัทหว่างแองซยาลาย (Hoang Anh Gia Lai) จากเวียดนามเป็นผู้ลงทุนให้ก่อน เป็นมูลค่า 36.19 ล้านดอลลาร์ สำนักข่าวเวียดของทางการนามรายงาน
ประธานาธิบดีชาง ชื่นชมสนามบินอัตตะปือ ที่เป็นสัญลักษ์ในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันมีผลสัมฤทธิ์ระหว่างลาวกับเวียดนาม ทั้งยังเรียกร้องให้บริษัทเวียดนามแห่งต่างๆ สืบต่อเข้าลงทุนในลาว และร่วมสนับสนุนกิจกรรมพัฒนาสังคมในประเทศนี้ ขณะที่ผู้นำสูงสุดของลาวได้ยกสนามบิน เป็นหลักฐานสำคัญในความสมานฉันท์กับสายสัมพันธ์พิเศษระหว่างสองประเทศ
หลายปีมานี้ก ลุ่มบริษัทหว่างแองซยาลาย ได้เข้าลงทุนในแขนงการเกษตรหลายแขนงในแขวงอัตตะปือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ปลูกยางพารากว่า 6 หมื่นไร่ โรงงานผลิตยางพารา ไร่อ้อยกับโรงงานน้ำตาล และ ทำปศุสัตว์เลี้ยงวัวเนื้อนับพันตัว และยังเป็นเจ้าของโรงแรมที่ไ่ด้มาตรฐานสากลอีกหนึ่งแห่งด้วย
สื่อของทางการลาวรายงานในสัปดาห์นี้ว่า ในระยะแรกสนามบินอัตตะปือจะใช้สำหรับในประเทศก่อน เมื่อพัฒนาเฟสที่ 2 แล้วเสร็จ รองรับเครื่องบินโดยสารไอพ่นได้ จึงจะเปิดเป็นสนามบินนานาชาติอีกแห่งหนึ่ง
สนามบินใหม่ตั้งอยู่ห่างจากเขตเทศบาลเมืองอัตตะปือราว 25 กิโลเมตร บนทางหลวงสาย 18B ที่ไปยังชายแดนเวียดนาม สนามบินไม่เพียงจะมีประโยชน์ในด้านการคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยวเท่านั้น หากยังสามารถใช้เป็นฐานปฏิบัติการส่งความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติได้อีกด้วย หนังสือพิมพ์ลาวพัดทะนา รายงาน
ปลายปี 2552 ไต้ฝุ่นเกดสะหนา ที่พัดเข้าแขวงภาคใต้ของลาว ได้ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน บ้านเรือนราษฎรหลายสิบหลังคาในแขวงนี้ถูกน้ำพัดพาไปต่อหน้าต่อตา มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 คน การให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ดำเนินไปอย่างล่าช้า เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลโดยทางอากาศได้
แขวงอัตตะปือ อยู่ในอาณาบริเวณยุทธศาสตร์สำคัญที่เรียกว่า “สามเหลี่ยมพัฒนา” (Growth Triangle) ในรอยต่อสามประเทศ ระหว่างลาว เวียดนาม และกัมพูชา โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น เกาหลี และสหรัฐฯ สนามบินจะช่วยให้การพัฒนาเศรษฐกิจแขวงที่ทุรกันดารในเมื่อก่อนนี้ เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ของสมาคมนักข่าวแห่งชาติ กล่าว
เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลลาวได้แต่งตั้ง นายนาม วิยะเกด ไปเป็นเจ้าแขวงคนใหม่ ดร.นาม เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ผู้อยู่เบื้องหลังการเจรจากับประเทศคู่ค้าต่างๆ จนกระทั่งนำลาวเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกได้สำเร็จ ซึ่งแสดงให้เห็นการเอาใจใส่ของรัฐบาลต่อการพัฒนาแขวงทางตอนใต้สุดของประเทศแห่งนี้
ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการ ในปัจจุบัน ลาวมีสนามบินนานาชาติ จำนวน 4 แห่ง คือ สนามบินวัดไต นครเวียงจันทน์ สนามบินหลวงพระบาง ในภาคเหนือ สนามบินสะหวันนะเขต ในภาคกลาง และสนามบินปากเซ ในแขวงจำปาสักภาคใต้ ซึ่งอยู่เหนือสนามบินอัตตะปือขึ้นไปกว่า 100 กม. สามารถรองรับเครื่องบินโดยสารไอพ่นระดับโบอิ้ง กับแอร์บัสได้ ปัจจุบัน มีเที่ยวบินเชื่อมกับเมืองหลวง และเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ ไทย กัมพูชา กับเวียดนาม
การเซ็นสัญญา ก่อสร้างสนามบินอัตตะปือ มีขึ้นในปี 2556 ระหว่างกรมการบินพลเรือน กระทรวงการโยธาและขนส่ง กับบริษัทเวียดนาม โดยมีกำหนดเปิดให้บริการเฟสที่ 1 ในกลางปี 2558.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์ http://www.manager.co.th/